By : tripleplanet Sep 26, 2013


 

          สำหรับวันที่สองนี้ เป็นเรื่องราวของการฝึกซ้อมร่วมกันในวง รวมถึงย้อนไปคุยเรื่องการปรากฏตัวของพวกเขาในรายการ <Immortal Song> นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของซูโฮ แบคฮยอน เฉินและเลย์อีกด้วย

ความสำคัญของการฝึกซ้อมเป็นทีม

[x] คุณฝึกซ้อมยังไงสำหรับเพลง 'Growl' จะต้องมีสมาชิกที่เชี่ยวชาญในด้านแร็พ และการร้องตั้งแต่เริ่มเพลงมาเลย

เซฮุน: สำหรับการเต้น ตลอดช่วงเวลาที่เราเป็นเด็กฝึกหัด คลาสเรียนเบสิคของพวกเราจะเริ่มเรียนตั้งแต่การกระโดด และการเข้าจังหวะเพลง จากนั้นมันก็จะเพิ่มระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ยากขึ้นยากขึ้น พวกเราจะต้องแมตช์ในเรื่องความสมดุลย์ระหว่างคนที่เต้นเก่งกับคนที่เต้นไม่เก่งด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราจึงกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเราพยายามที่จะยึดแบบอย่างของคนที่เต้นเก่งๆ และพยายามช่วยคนที่ยังขาดทักษะ ให้พวกเขาเต้นได้ดีขึ้น
ไค: แม้ว่าจะเดบิวต์ไปแล้ว พวกเราก็ได้เรียนรู้ว่า พวกเราแต่ละคนยังขาดอะไร และจะต้องคอยสอนในสิ่งที่แต่ละคนถนัด อย่างเช่นเวลา พี่ชานยอลรู้สึกว่าตัวเขาเองยังขาดทักษะการเต้น เขาก็จะไปหาสมาชิกที่เต้นเก่งๆแล้วถามว่า ควรจะฝึกอย่างไรดี เมื่อถึงเวลาซ้อมรวม พวกเราก็จะต้องเต้นให้เป็นองศาเดียวกันด้วย
เฉิน: ช่วงที่โปรโมตเพลง ‘Wolf and Beauty’ กับเพลง ‘Growl’ ผมได้นอนห้องเดียวกับไค หลังจากที่ซ้อมเสร็จ ก่อนนอน พวกเราก็คุยกันเยอะมาก คุยเรื่องประมาณว่า วันนี้เป็นแบบนี้นะ วันพรุ่งนี้ฉันควรทำแบบนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นรุ่นน้อง แต่ก็มีหลายอย่างเลยที่ผมสามารถเรียนรู้จากเขาได้ เวลาที่เราซ้อมกัน ไคมักจะคอยสอนผมว่าควรจะเต้นยังไง หลังจากฟังคำแนะนำแล้วรอบต่อไป ผมก็จะทำตามที่ไคสอนและชี้แนวมา ถ้ามันยังไม่ดีขึ้นไคก็จะเข้ามาช่วยแก้อีกรอบ

[x] คุณคงต้องเห็นความสำคัญมากๆกับการฝึกซ้อมเป็นทีม

ลู่หาน: มันสำคัญมากจริงๆครับ ถ้าผมฝึกซ้อมเองคนเดียว ทักษะของผมจะพัฒนาขึ้นช้ามากๆ แต่ถ้าได้ฝึกร่วมกับเพื่อนๆแล้ว ผมสามารถเต้นได้ดี ผมจะเรียนรู้ในสิ่งดีๆและสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าครับ
เฉิน: ก่อนที่ผมจะเข้าบริษัทมา ผมไม่เคยแตะต้องในสิ่งที่เรียกว่าการเต้นมาก่อนเลย รวมถึงระยะเวลาการฝึกฝนของผมก็ค่อนข้างสั้น แต่เมื่อได้คิดว่าผมจะได้เดบิวต์กับกลุ่มที่มีความสามารถ ตอนแรกๆมันยากมากเลยครับ แต่เพื่อนสมาชิกจะมาร่วมฝึกซ้อมกับผม ไม่ว่าจะเช้าตรู่หรือตอนดึกแค่ไหน จนในที่สุดผมก็ตามคนอื่นๆได้ทัน ไม่ว่าเรื่องอะไร จะยากลำบากแค่ไหน ผมคิดว่าพวกเราสามารถทำได้ทุกอย่าง หากพวกเรามีกันและกัน ที่ผมสามารถจะมายืนบนเวทีตรงจุดนี้ได้ ต้องขอบคุณสมาชิกทุกคนด้วยครับ

[x] เวลาซ้อม มีกฏอะไรที่ตั้งขึ้นมาท่ามกลางพวกคุณไหม

เซฮุน: ไม่เชิงว่าเป็นอะไรที่เราตั้งกันขึ้นมาหรอกครับ ไม่ได้มีบรรยากาศแบบว่า ต้องมาบังคับขู่เข็ญใครคนใดคนหนึ่งเพื่อให้มาซ้อม เนื่องจากพวกเราอยู่ที่หอพักเดียวกัน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกันหมด มันจึงไม่มีทางเลยที่สมาชิกคนไหนจะมาสายเวลาซ้อม
ซิ่วหมิน: สำหรับตอนนี้ เมื่อเราทำอะไร ก็ต้องตั้งใจทำให้มันดีครับ
แบคฮยอน: เพราะว่าทุกๆคนพยายามกันอย่างหนัก มันก็จะไม่มีแบบว่า "วันนี้ซ้อมต่ออีก 4 ชั่วโมงนะ" ถ้าท่ามกลางสมาชิกทั้ง 12 คน มีใครคนใดคนหนึ่งไม่อยากซ้อมขึ้นมา พวกเราจะให้คนๆนั้นกลับหอพักไป ส่วนใครที่อยากซ้อมเพิ่มเติมก็ให้ไปซ้อมเอง ตอนนี้ ปกติพวกเราซ้อมกันวันละ 8 ชั่วโมงกว่าอยู่แล้ว เพื่อเตรียมตัวแสดงภาพลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้ทุกคนได้เห็นครับ
เฉิน: โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาที่เราหายหน้าหายตาไปหลังจากเพลง 'MAMA' มันนานมาก พวกเราแต่ละคนได้ฝึกฝนกันหนักมากครับ 

[x] ในบรรยากาศที่ทุกๆคนเหนื่อยล้า จนแทบจะเป็นลม มีสมาชิกคนไหนที่สามารถอดทนได้จนถึงวินาทีสุดท้ายไหม

แบคฮยอน: ถ้าเรารู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้ว พวกเราจะพักพร้อมกัน แล้วค่อยซ้อมต่ออีกสักชั่วโมง เพราะวันพรุ่งนี้เราจะหมดแรงไม่ได้ 
เลย์: จากที่เห็น ผมว่าทุกๆคนอดทนได้ดีนะครับ เวลาที่เราเหนื่อยกันมากๆ แค่สั่งแฮมเบอร์เกอร์มากิน พวกเราก็จะกลับมามีแรงอีกครั้งแล้ว (หัวเราะ) ครั้งนึงผมเคยคิดว่า ทำไมแค่สั่งแฮมเบอร์เกอร์มากิน ถึงมีแรงได้ คงเพราะเวลาที่พวกเรากิน น้ำหนักเราก็จะเพิ่ม พวกเราก็ต้องออกกำลังกาย เวลาออกกำลังกาย พวกเราก็จะต้องซ้อมหนักขึ้น หรือถ้ามีตัวสร้างบรรยากาศอย่างแบคฮยอน มาบอกให้เราสู้ต่อไป พวกเรา
ก็จะมีแรงสู้ต่อด้วยกันครับ



Immortal Song

[x] แบคฮยอนมีเทคนิคอะไรหรือเปล่า สำหรับการสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น เวลาเกิดสถานการณ์ที่ทุกๆคนดูตะกุกตะกัก

แบคฮยอน: สำหรับผมถ้ามีใครดำเนินเรื่องไปผิดที่ผิดทาง ผมจะทำให้ทุกๆคนหัวเราะโดยอธิบายเรื่องนั้นๆให้มันดูตลกขบขันขึ้นไปอีก มันไม่เชิงว่าผมจะพูดอะไรตลกๆ เพื่อทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นหรอกครับ (หัวเราะ)

[x] สำหรับสมาชิกที่รับหน้าที่แบบนั้น ตอนที่คุณไปออกรายการ <Immortal Song> ครั้งแรก มีแค่คุณกับเฉินสองคนเอง ตอนนั้นมันคงจะรู้สึกตึงเครียดและทำให้ความกล้าของคุณหายไปหมดเลยล่ะสิ

แบคฮยอน: ถ้าให้มองอีกแง่นึง อาจเป็นเพราะว่ามันเป็นรายการแรกของพวกเราที่ได้ไปร้องเพลงต่อหน้าคนมากมาย เพื่อเปิดตัว EXO มันค่อนข้างติดขัด บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนั้น คือปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่จะตื่นเต้นง่ายเมื่ออยู่บนเวที แต่ตอนนั้นผมตื่นเต้นมากจริงๆครับ 
เฉิน: ตอนที่ร้องเพลง ผมเห็นมือของแบคฮยอนสั่นมากๆเลย (หัวเราะ) หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาเราไปออกรายการเราก็จะไปพร้อมกับสมาชิกหลายๆคน มันทำให้เราได้รู้ถึงความแตกต่างมากมายระหว่างการที่อยู่กับสมาชิกหลายๆคน กับการที่เราไปกันไม่กี่คนครับ

[x] สมาชิกคนอื่นที่เข้าไปด้วยสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วหรือเปล่า

ดีโอ: ปกติแล้วเวลาที่ผมยืนอยู่บนเวที ผมจะตื่นเต้นเป็นกังวลเยอะกว่าสมาชิกคนอื่นๆ เป็นเพราะรุ่นพี่ ชอน ยองรก อยู่ด้านหน้าเราด้วย <Immortal Song> ทำให้ผมยิ่งเกร็ง ผมไม่รู้เลยว่าที่ผมร้องเพลงไปเป็นยังไง
ไค: รายการนั้น ทุกๆอย่างสดครับ ตอนนั้นพวกเราแมตช์เพลงกับท่าเต้นไม่ได้ คิวของเราเลยเลื่อนไปอยู่ท้ายสุด แล้วพวกเราก็ออกไปช้าด้วย ทำให้มือกีต้าร์ต้องเล่นเพลงอยู่นานเลย (หัวเราะ) ถ้าพวกเราแมตช์เพลงได้ หรือมีประสบการณ์มากกว่านี้ พวกเราคงจะหาทางรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นได้ดีกว่านี้ แต่ตอนนั้นเพราะเรากังวลกันมากๆ ว่าจะไม่สามารถทำมันออกมาได้ดี พวกเราก็เลยเหวอๆกันไปหน่อยนึงครับ ถ้าเราพยายามให้มากกว่านั้นมันก็คงออกมาดีกว่านี้ 


การโปรโมตในประเทศจีน

[x] เราคิดว่าความจริงที่พวกคุณสามารถจะไปออกรายการโทรทัศน์แบบนั้นได้ EXO-K และ EXO-M โปรโมตด้วยกัน เป็นอะไรที่มีความหมายมากทีเดียว เฉินกับซิ่วหมินเดบิวต์ในนาม EXO-M ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากหรือ เวลาที่ต้องไปโปรโมตในที่ๆไม่คุ้นเคย

เฉิน: ตอนที่บริษัทถามผม พวกเราจะมีการแบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่มนะ คือจีนและเกาหลี นายคิดเห็นว่ายังไง? ผมตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า ผมอยากจะเข้าร่วมกลุ่มจีน แน่นอนว่าที่บ้านของผมก็ค่อนข้างเป็นกังวลเอามากๆ เพราะผมไม่เคยได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาที่บ้านเลย แต่ที่ผมพูดไปเพราะว่าผมอยากจะเข้าร่วมจริงๆ หลังจากที่เดบิวต์และมีโอกาสได้ไปโปรโมตที่จีนเป็นครั้งแรก มาจนตอนนี้ ผมคิดว่าผมได้ตัดสินใจถูกต้องแล้วจริงๆ แม้ว่าจะมีอุปสรรคเรื่องภาษา ระหว่างผมกับแฟนๆชาวจีน แต่ขอแค่ความจริงที่ว่า ผมสามารถจะร้องเพลงให้พวกเขาฟังได้ แค่เท่านั้นผมก็มีความสุขแล้ว บางครั้งแฟนๆถามผมว่าทำไมถึงไม่เลือกโปรโมตที่ประเทศเกาหลี อย่างไรก็ตาม EXO คือทีมเดียวกัน แค่เพราะผมเดบิวต์กับ EXO-M ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่มีโอกาสได้พบเจอกับแฟนๆเกาหลี แล้วตอนนี้ ผมได้เดินทางไปร่วมโปรโมตร่วมกับสมาชิกทุกๆคน แค่นี้ผมก็ไม่รู้สึกว่าอะไรมันขาดหายไปแล้วล่ะครับ

[x] ในตอนนั้น มีเรื่องอะไรที่ยากจะปรับตัวไหม

ซิ่วหมิน: เป็นเรื่องของภาษาครับ เวลาที่พวกเราเดินอยู่บนถนน มองป้ายต่างๆ มันเป็นภาษาจีนหมด ผู้คนที่นั่นก็พูดภาษาจีนกันซึ่งผมไม่เข้าใจ ตอนนั้นผมไม่ได้เรียนภาษาจีนอย่างจริงจัง แต่ตอนนี้ผมปรับตัวได้ดีขึ้นแล้ว หูของผมเวลาได้ยินภาษาจีน หรือเวลาที่เห็นป้ายที่เป็นภาษาจีน ตอนนี้ผมก็จะ "อ๋อ รู้แล้ว!" ผมจะพูดแบบนี้ครับ เวลาที่ผมไปประเทศจีน ผมก็จะรู้สึกว่ามันเริ่มกลมกลืนมากขึ้น

[x] เวลาที่คุณเหนื่อยๆ สมาชิก EXO-M คนอื่นๆ จะต้องเข้ามาช่วยเหลือ

ซิ่วหมิน: ผมค่อนข้างโล่งใจครับ ที่เพื่อนสมาชิกชาวจีนของเราพูดภาษาเกาหลีได้ดี อ่า แต่มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ เพราะพวกเขาเก่งภาษาเกาหลี แม้แต่เวลาที่เราไปโปรโมตที่จีน พวกเราก็คุยกันเป็นภาษาเกาหลี ทำให้ภาษาจีนผมไม่กระเตื้องเลย (หัวเราะ)
เทา: เอาจริงๆนะครับ ถึงเราจะโปรโมตในประเทศจีน แต่เราก็ไม่เคยลืม พวกเราคุยกับพี่ๆเป็นภาษาเกาหลี 
ซิ่วหมิน: สุดท้าย สรุปคือพวกเราก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับ

[x] สมาชิก EXO-K เริ่มกิจกรรมโปรโมตที่จีนอย่างเป็นทางการในปีนี้ แล้วพวกคุณเห็นด้วยกับปัญหาของทั้งสองคนหรือเปล่า

แบคฮยอน: ภาษาจีนนั้นยากมากครับ การออกเสียงของคนส่วนใหญ่ก็ไม่เหมือนกันด้วย ถ้าไม่ใช่คนที่เคยอยู่จีนมาเป็นเวลานานหรือเคยเรียนที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้วล่ะก็ มันค่อนข้างยากครับ ความจริง เวลาที่เราอัดเพลงในอัลบั้ม เราต้องร้องเพลงเป็นภาษาจีนโดยที่ไม่รู้ความหมายอะไรเลย มันเป็นอะไรที่ยากมากครับ
เฉิน: เพื่อนๆฝั่ง K ก็เก่งนะครับ ผมว่าเขายังเก่งกว่าผมสมัยที่ผมเดบิวต์ใหม่ๆอีก (หัวเราะ)

Source: IZE.co.kr
EN Trans: nahbit @ exok-trans
TH Trans: tripleplanet-th (@triple_planet)
โปรดนำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด

Leave a Reply

Subscribe to Posts | Subscribe to Comments

Copyright © TRIPLEPLANET-TH.COM - www.tripleplanet-th.com All rights reserved. Best viewed in Mozilla Firefox 3.5 and above with 1366x768 resolution.